การเดินทางโดยเท้าไม่แตะพื้นดิน

 
การเดินทางขาไป ใช้เวลาประมาณสองวัน แต่ต้องต่อเที่ยวบินสี่หนน่ะ และต้องรอและรออยู่ในสนามบิน ขาไปบินจากสุวรรณภูมิไปชางกิสิงคโปร์ แล้วรอหกชั่วโมง ก็นอนในสนามบินนั่นแหละ แต่ที่นี่ดีมากคือมีคอมพิวเตอร์ให้เช็คเมลล์ได้ฟรี เลยพอมีอะไรให้เล่นยามว่างบ้าง เขามีเวลาให้ใช้ได้ประมาณ สิบนาที ก็เวียนไปเครื่องโน้นเครื่องนี้ไปเรื่อยๆ แอร์ในสนามบินนี้หนาวอาจเป็นเพราะกลางคืนด้วยแหละ เวลานอนก็ไปหาม้านั่งว่างๆ แล้วก็นอน มีคนนอนในสนานมบินเยอะเหมือนกัน ก็ดีมีเพื่อนและได้นอนในที่ที่ใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรกแปลกดี เราติดผ้าห่มผืนบางไปด้วยก็สบายหน่อย พอสักประมาณ ตีสามตีสี่ก็ถุกทหารปลุกขึ้นมา กำลังงัวเงียๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นการ์ดหทารถือปืนยาวมาสองคน เขาขอตรวจพาสปอร์ต ก็ให้เขาดู แล้วก็นอนต่อ เขาก็ไปตรวจของทุกคน ก็รู้สึกปลอดภัยดี
ตอนเช้ารีบตื่นหาอะไรรองท้อง ไปต่อเครื่องคราวนี้ไปอีก หกชั่วโมงไปที่อินชอนเกาหลีใต้ …. เฮ้อ……ทำไมต้องบินขึ้นลงไปมาด้วยล่ะเนี่ย…
มาถึงอินชอนแค่ออกไปรอที่นอกเครื่องแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง เอาล่ะทีนี้นั่งกันยาวประมาณ สิบสามชั่วโมงแต่โชคร้ายตรงที่ได้นั่งหางเครื่องเลยล่ะ คือไม่ได้เอนหลังเลย แต่ก็ดีตรงที่มีจอให้ดูหนังนี่แหล่ะ เอาล่ะหยวนๆ ดีนะที่เป็นสิงคโปร์แอร์ไลน์ 
มาถึงซานฟรานซิสโก ก็ต้องเข้าแถวตรวจหนังสือเดินทาง จำได้ว่าที่นี่เมื่อเจ็ดปีก่อนโคตรวุ่นวายเลย คือคนจากเครื่องเยอะมากมาจากหลายเที่ยวบินแล้วก็ต้องมาแย่งกันเข้าแถว ซึ่งแคบมาก แล้วก็ไม่แบ่งว่าช่องไหนเป็นช่องไหน ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยบอก ครั้งที่แล้วเรามากันเป็นขบวนใหญ่เกือบยี่สิบคน ต่อแถวนี้แล้วก็ต้องย้ายไปอีกแถว งงไปหมด แต่ครั้งนี้ดีหน่อย จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยตะโกน ตัดแถวให้ ก็ไม่มีอะไรก็ผ่านมาด้วยดี แต่คนเมืองซานฟรานหรืออาจจะเป็นแต่พวกเจ้าหน้าที่พนักงานไม่ค่อยจะน่ารักไม่ไนซ์ เรายืนต่อแถวอยู่เป็นคนสุดท้าย คิวหน้าเราเขามีปัญหาเราต้องรอนานมาก  ช่องข้างๆก็ว่างแต่คุณเธอไม่เรียกฉันเข้าไป รออยู่นั่นแหละ สักพักหนึ่งช่องที่อยู่เยื้องกันไปอีกหน่อยเขาใจดีเรียกเราเข้าไป นี่แหละถึงทำให้เรารู้ว่า ทำไมเพื่อนฝรั่งจากซานฟรานของเราถึงชอบเมืองไทยและอยากอยู่บ้านเรามากกว่าบ้านเขา มาครั้งนี้ไม่ได้ออกนอกสนามบิน ก็อยู่ในนั้นนั่นแหละ หาเก้าอี้แล้วก็หลับ รอ ไฟลท์ต่อไปจากซานฟรานไปซินซินเนติ ก็จะถึงที่หมายซะที 
จากซานฟรานขึ้นเครื่องของเดลต้าแอร์ ก็เครื่องบินในประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องเล็กและที่นั่งก็แคบ (ทั้งที่พวกเขาก็ตัวใหญ่มาก ทำไมทำเก้าอี้เล็กก็ไม่รู้) บนเครื่องแจกแค่น้ำขวดน้อยกับแคร็กเอกร์เท่านั้น เราต้องนั่งนานอีกห้าชั่วโมง เวลาเดินทางน้ำสำคัญที่สุด แต่ตอนนี้ ก่อนขึ้นเครื่องเขาก็ไม่ให้เอาน้ำชึ้นมาแล้ว พวกโลชั่นครีมต่างๆก็ต้องเอาออมาใส่ถุงมีซิบ ตรวจกันละเอียดยิบ เหนื่อยตอนต่อเครื่อง ต้องยกกระเป๋าที่หนักแสนหนักผ่านเข้าเครื่องตรวจ ต้องเอาโน็ตบุ๊คออกจากกระเป๋าด้วยนะ อ้อ….ที่นี่ต้องถอดรองเท้าเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งด้วย  เสร็จแล้วก็ต้องเก็บทุกอย่างอย่างรวดเร็วไม่ให้จราจรติดขัด  
โอ้ว…..มาถึงซินซินเนติ เท้าจะได้เจอพื้นดินซะที แต่ตอนออกมันต้องเดินไกลมากและเราก็หนักมาก กว่าจะมาถึงที่รับกระเป๋าก็เพิ่งรู้ว่าเซ่อ เขามีรถไฟให้ขึ้น แต่เราไม่รู้ว่ามันไปไหน เลยไม่ชึ้นเลยต้องเดินซะไกลเป็นกิโล เฮ้อ……ปวดหลังจนกรดูกกระเดี้ยวปวดร้าว  แล้วเราก็เจอคุณลุงมารับ คราวนี้ก็สบายแล้วเรา ฮัลเลลูย่า….. นั่งรถไปต่ออีกชั่วโมงกว่าๆเพื่อไปไมอามียู โอ้….สองข้างทางเขียวขจีไปหมดด้วยทุ่งหญ้า และต้นไม้ต้นสน มีเนินเขาโล่งๆด้วย ให้นึกถึงหนังที่มีอินเดียแดงโผล่มานั่นแหละ นี่คือรัฐโอไฮโอ ทางตอนใต้ สมัยก่อนเป็นดินแดนของอินเดียแดง แต่น่าเสียใจพวกเขาถูกไล่ออกไปหมดแล้ว
 
 

Leave a comment